สิวอักเสบ คือสิวที่เม็ดแดงๆ กดแล้วเจ็บ ไม่มีหัวขาว เม็ดใหญ่หน่อย เกิดจากการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง ไม่ให้กดเพราะจะทำให้สิวอีกเสบมากขึ้น
สิวอุดตัน คือสิวที่เม็ดขาวๆ กดแล้วแตกมีหนองไหลออกมา เกิดจากไขมันที่หน้าไปอุดตัวรูผุมขน ไม่ให้กดเพราะอาจทำให้เกิดสิวบริเวณใกล้เคียงได้
สิวผด เป็นเม็ดเล็กๆ กดแล้วไม่เจ็บเกิดจากอาหารแพ้อะไรบางอย่างที่ผิวหน้า หรือเกิดจากการที่มีผิวแห้ง ไม่ให้กดเพราะอาจทำให้เกิดสิวบริเวณใกล้เคียงได้
สิวเสี้ยน เป็นสิวเม็ดดำๆเล็กมากๆ ชอบขึ้นบริเวณจมูก เล็กมากจนบางคนไม่รู้ว่ามันคือสิว
สิวหัวดำ คือสิวเม็ดที่แห้งแล้ว และมีก้อนไขมันแข็งๆ ฝังอยู่ อันนั้ให้ใช้เล็บแคะออกได้เลย ไม่งั้นผิวจะเป็นรูนานรักษายาก

ปัญหาสิว

ปัญหาสิว
ที่มาของการเกิดสิว

เป็นสิวที่หลัง รักษายากไหมกับสิวประเภทนี้

ส่วนมากคนที่เป็นสิวที่หลัง เกิดขึ้นได้กับทั้งหญิง และชาย ส่วนมากจะเป็นกับชายมากกว่า เนื้องจากชายเหงือจะออกเยอะกว่า เนื้องจากกิจกรรมที่ทำ ซืึงเป็นปัญหาทำให้เกิดสิวที่แผ่นหลังได้ง่ายมาก หากไม่รักษาความสะอาดบริเวณนี้ให้ดี (สิวที่หลังไม่ควรละเลยเรื่องความสะอาด) ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ่าที่สวมใส่ ไม่ควรใส่ซ้ำ เพราะเสื้อผ้าที่มีเหงือหมักหมม จะทำให้เกิดเชื้อโรค แบคทีเรียต่าง และเกิด โรคเกียวกับผิวหนัง ตามมา
ยารักษาสิวที่หลัง  ถ้าเป็นแล้ว ต้องรีบหายารักษา เพื่อไม่ให้เกิดอาการ สิวอักเสบ หรือสิวเรื้อรัง นอกจากจะทำให้เกิดความรำคาญ สิวเมื้อแห้งยังทำให้เกิดรอยแผลตามมา อีกต่างหาก


ยารักษาสิวที่หลัง มีทั้งการรักษาแบบธรรมชาติ ใช้ของจากธรรมาชาติ ได้แก่ หอมแดง กระเทียม ขมิ้น เกลือ ว่านหางจรเข้ น้ำมะนาว มะมวงสุก ใบบัวบก เปลือกมังคุด ไพล ทองพันชั่ง สเลดพังพอน สมุนไพรรักษาสิว เหล่านี้มีมากมายจริง แต่ก็ต้องแล้วแต่วิธีการนำมาใช้ให้ถูกต้องตามวิธีการรักษา
ไม่เชื่อต้องลองนำ มาใช้กับ สิวเจ้าปัญหาของเราดู


ยารักษาสิวที่หลังอีกแบบ ที่หาซื้อได้ตามท้องตลาด ที่ราคาตั้งแต่หลัก10-1000 ก็หลากหลายราคาตามสรรพคุณ การรักษา และผลที่รวดเร็วแตกต่างกันไป เรารวมรายชื่อยารักษาสิว มีทั้งแบบกิน และแบบทา มาให้เพื่อน นำไปใช้ จะได้หมดปัญหากวนใจจากสิว กัน ยาฟิวซิดิน(Fucidin),Dermaroller ,AHA, Cool touch, Laser Crystal Peel ,E-Matrix Laser ,Fine Scan, Frexel, IPL

"สำหรับยารักษาสิวแบบกิน" ต้องระวังในการใช้ควรได้รับคำแน่ะนำจากเภชัสกร เนื่องจากตัวยาอาจมีผลด้านฮอโมน ทำให้เกิดอาการแพ้ยาได้

เบื้องตันกับการดูแลสิวที่หลังด้วยตัวเราเอง พึงปฎิบัติ ตามอย่างยิ่ง


1. เริ่มต้นจากการหลีกเลี่ยงการระคายเคืองของผิวหนัง ไม่ควรขัด ถู ผิวหนังอย่างรุนแรง เพราะยิ่งรุนแรงกับผิวมากเท่าไหร่ สิวก็จะยิ่งมีจำนวนมากขึ้นเท่านั้น
2. ใช้สำลีชุบโทนเนอร์เช็ดบริเวณที่เป็นสิวหลังอาบน้ำ ซึ่งควรใช้โทนเนอร์สำหรับผิวที่เป็นสิวโดยเฉพาะ หรือใช้โทนเนอร์ที่เราใช้กับใบหน้าอยู่เป็นประจำทุกวัน ที่ใช้แล้วไม่เกิดสิวขึ้นบนใบหน้า 
3. ทายาแต้มหัวสิว โดยใช้ยาแต้มหัวสิวที่ใช้กับใบหน้า ซึ่งในปัจจุบันมียาแต้มหัวสิวที่ได้รับการแนะนำ และได้รับความนิยมอยู่หลายยี่ห้อ เช่น Dr. Young Spot Stop Serum, Clinda M, Benzac AC, Smoot E Acne Hydro Gel เป็นต้น
4. รับประทานยารักษาสิว โดยยาที่ใช้ควรเป็นยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ ที่จะช่วยทำให้สิวแห้งและยุบตัวลงไปภายใน 2-4 สัปดาห์ 
5. ทายาแป้งรักษาสิว เป็นยาที่มีลักษณะคล้ายแป้งน้ำสำหรับทาเพื่อรักษาสิวที่หลัง ซึ่งจะทำให้สิวหลุดง่าย แต่ต้องใช้เวลาเวลาสักระยะหนึ่งประมาณ 4-6 สัปดาห์ ข้อดีคือ สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องได้ โดยไม่มีผลข้างเคียง

วิธีการรักษาสิวด้วยสมุนไพรและธรรมชาติ

1. ดินสอพองผสมน้ำมะนาว หรือน้ำมะขามเปียก
สูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมัน รูขุมขนกว้าง และมีสิวเสี้ยน

ส่วนผสม
ดินสอพองสะตุ 3 - 4 เม็ดใหญ่
น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
วิธีทำ
นำดินสอพองสะตุมาบดละเอียดด้วยภาชนะที่สะอาด ผสมน้ำมะนาวลงไป คนให้เข้ากัน (มันจะกลายเป็นครีมข้นๆ)
ดินสอพองจะพองตัวขึ้นและมีฟองอากาศ นั่นเพราะดินสอพองกำลังทำปฏิกิริยากับกรดในน้ำมะนาวนั่นเอง
จากนั้นทาครีมดินสอพองจนทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตา หรือจะแต้มเฉพาะตรงที่หัวสิวก็ได้ค่ะ ทิ้งไว้ 15 - 20 นาทีหรือจะทาก่อนนอนทิ้งไว้จนเช้าก็ได้
วิธีล้าง
ให้ล้างด้วยน้ำอุ่น แล้วใช้ผ้าเช็ดเบา ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน
จากนั้นล้างอีกครั้งด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน
ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง
ผิวหน้าจะเนียนนุ่มขึ้น รูขุมขนกระชับ และความมันลดลง สูตรนี้สามารถเปลี่ยนจากน้ำมะนาวมาเป็นน้ำมะขามเปียกก็ได้ค่ะ ให้ผลเร็ว 1-3 วันเห็นผลแน่นอน สิวแห้ง ยุบลง

2. น้ำผึ้ง
อุ่นน้ำผึ้งเล็กน้อย และทาลงบริเวณที่มีปัญหา 10-15 นาที แล้วล้างออก น้ำผึ้งเป็นวิธีที่รู้จักกันดีและมีประสิทธิภาพอย่างมากในการกำจัดสิวเสี้ยน

3. ไข่ขาว ผสมน้ำผึ้งและน้ำมะนาว
ส่วนผสม
ไข่ขาวขนาดเล็ก 1 ฟอง น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ และกระดาษซับมัน
วิธีทำ
ตอกไข่ใส่จาน แล้วช้อนเอาไข่แดงออก เอาเฉพาะไข่ขาว จากนั้นนำไข่ขาว น้ำมะนาว และน้ำผึ่งมาผสมให้เข้ากันดี จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด ซับให้แห้ง
นำไข่ขาวที่เตรียมไว้มาทาบริเวณจมูก แล้วนำกระดาษซับมันมาแปะลงบริเวณที่ทาไข่ขาวไว้ ใช้นิ้วมือกดเบาๆ ให้กระดาษซับมันกระชับผิว
นอนราบกับพื้นรอจนไข่ขาวแห้งสนิท หน้าจะตึงมากๆ จากนั้นใช้มือลอกกระดาษซับมันจากล่างขึ้นบน สิวเสี้ยนก็จะติดออกมากับกระดาษซับมัน แล้วล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด เพื่อกระชับรูขุมขน ควรทำสัปดาห์ละครั้ง
4. ทาน้ำมะนาว
ทาน้ำมะนาวโดยตรงบนสิวเสี้ยน วันละ 2-3 ครั้ง น้ำมะนาวมีกรดผลไม้ AHA หรือ Alpha Hydroxy Acids ทำงานโดยการลอกเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ผิว และช่วยให้เซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ด้านล่างได้ผลัดขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ยังช่วยชำระรูขุมขนทำให้รูขุมขนตึงขึ้น ช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่น และทำให้มีแนวโน้มที่จะเป็นสิวน้อยลง

วิธีทำ
ล้างหน้าให้สะอาด แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดเบาๆ จากนั้นบีบน้ำมะนาว 1 ช้อนชาในถ้วยเล็ก ใช้สำลีจุ่มน้ำมะนาวพอเปียก อาจผสมน้ำหากรู้สึกว่าแสบเกินไป ป้ายน้ำมะนาวลงบนสิว สิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวหัวหนอง
ทิ้งไว้ทั้งคืนโดยไม่ต้องล้างออก ล้างออกตอนเช้า และทาอีกครั้งก่อนเมคอัพ (หากคุณต้องใช้เมคอัพ)
**หากรู้สึกว่าน้ำมะนาวนั้นแรงเกินไป แม้ว่าจะผสมน้ำให้เจือจางแล้วก็ตาม ให้ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น
วิธีการนี้ใช้เวลา 2 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำจึงจะเห็นผล

5. ดื่มน้ำมะนาว
ความจริงแล้วการรักษาสิวด้วยการดื่มน้ำมะนาวนั้นมีประโยชน์หลายอย่าง ที่ทุกคนควรดื่ม (สำหรับคนที่ไม่แพ้มะนาว) ประโยชน์ต่าง ๆ เหล่านั้นคือ : สามารถใช้วิธีการดื่มน้ำมะนาวเพื่อรักษาและทำความสะอาดภายในร่างกาย หรือขจัดสารพิษออกจากตับ และเพื่อให้การดูดซึมแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย น้ำมะนาวนั้นเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณ ที่ช่วยให้กระชุ่มกระชวย (เพราะในน้ำมะนาวมีแร่ธาตุต่าง ๆ วิตามินซี, โพแทสเซียม) ดื่มง่าย และทำได้ง่าย นอกจากนี้ ยังช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร บรรเทาอาการท้องผูก และช่วยกำจัดนิ่วในไต และตับอ่อนด้วยค่ะ

รักษาสิว โดยการดื่มน้ำมะนาว สูตร 1
บีบน้ำมะนาว 1 ผลลงในแก้ว แล้วเติมน้ำเปล่าอีก 2 ถ้วย (ถ้วยละ 8 ออนซ์)
ดื่มน้ำมะนาวที่ผสมนี้ได้ทั้งวัน

รักษาสิวโดย การดื่มน้ำมะนาว สูตร 2
บีบน้ำมะนาว 1 ผล ผสมกับน้ำอุ่นที่ต้มแล้ว 1 ถ้วย (8 ออนซ์)
ดื่มเป็นสิ่งแรกของวัน ในตอนเช้า
หลังจากดื่มน้ำมะนาว งดการดื่ม หรือรับประทานสิ่งใด ๆ ภายในครึ่งชั่วโมง เพื่อให้น้ำมะนาวได้ชำระล้างร่างกาย
***** ผลการรักษาสิว – ได้มีการทดลองใช้น้ำมะนาวทั้งสองวิธีแล้วคือ “ทาโดยตรงบนผิวหน้าและดื่ม” พบว่า ภายใน 3 สัปดาห์สิวก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

6. เบกกิ้งโซดาและน้ำ
ผสมเบกกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะ กับน้ำ 3 ช้อนโต๊ะ ถูส่วนผสมนี้ลงบนผิวสองสามนาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น มันจะกำจัดสิวเสี้ยนออกอย่างมีประสิทธิภาพ

7. มาส์กข้าวโอ๊ตกับกุหลาบ
ทรีตเมนต์นี้ช่วยกำจัดสิวหัวดำที่คุณมีอยู่แล้ว และป้องการเกิดขึ้นใหม่อีก วิธีการคือผสมข้าวโอ๊ตบดละเอียดกับน้ำกุหลาบให้เป็นส่วนผสมข้น ๆ ทาส่วนผสมลงบนหน้าบริเวณที่เป็นปัญหาทิ้งไว้ 15 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำเย็น ซึ่งจะช่วยปิดรูขุมขนที่เพิ่งทำความสะอาดมาใหม่ๆ ป้องกันการเกิดสิวหัวดำต่อไป

8. มันฝรั่ง
มันฝรั่งดิบสับละเอียดสามารถใช้รักษาปัญหาผิวได้หลายอย่างรวมทั้งสิวหัวดำ โดยพอกมันฝรั่งลงบนผิวที่เป็นปัญหาโดยตรง ทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออก ล้างซ้ำด้วยน้ำสะอาด

9. หอมแดง
หอมแดง มีสรรพคุณช่วยในการรักษาสิว ลบรอยด่างดำที่เกิดจากสิวได้ เพราะในหอมแดงสดจะประกอบไปด้วยน้ำมันหอมระเหยและสารต่าง ๆ ซึ่งมีคุณสมบัติมากมาย เช่น ลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยเจริญอาหาร และช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียสาเหตุของสิว

วิธีทำ คือ นำหัวหอมแดงสดนำมาฝานเป็นแว่นบาง ๆ เพื่อให้สะดวกในการแปะที่หัวสิวของคุณ หรือจะทุบเบา ๆ แตะน้ำที่ซึมออกมาจากหัวหอมนำมาทาบาง ๆ บริเวณที่เป็นสิวหรือรอยจุดด่างดำ ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง หรือจนคุณทนกลิ่นมันไม่ได้ แต่ถ้าทิ้งข้ามคืนจะดีมากๆ ช่วยทำให้สิวลดลงได้จริงๆ
แบบสำรวจ ลักษณะสิว บนใบหน้า
(สามารถตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
1. ผิวหน้าของคุณมีตุ่มลักษณะเป็นอย่างไร
A. ตุ่มนูนแดง แข็ง เจ็บ เป็นหนอง
B. ตุ่มนูนสีเดียวกับผิว บางตุ่มมี จุดดำ ตรงกลาง
C. ตุ่มแดงเล็กหัวแหลมหลายๆ ตุ่ม คลำแล้วสากๆ
D. จุดสีดำหลายๆ จุดรวมกับผิว มีเส้นขนเล็กๆ

2. ผิวหน้าของคุณมีลักษณะเป็นอย่างไร
A. ผิวมันมากทั่วๆ ไปหน้า
B. ผิวธรรมดา
C. ผิวแห้ง
D. ผิวผสม มันเฉพาะช่วงทีโซน

3. เวลาที่คุณบีบเค้น หัวสิว สิ่งที่ออกมามีลักษณะเป็นอย่างไร
A. เป็นหนองข้น
B. เป็นเม็ดสีขาวข้น บางครั้งเป็นเม็ดสีมีดำปน
C. เป็นน้ำใส
D. เป็นเม็ดสีขาวข้นเข้มร่วมกับเส้นขนเล็กๆ

4. ตำแหน่งที่มีการกระจายของตุ่มคือ
A. เป็นกลุ่มแค่ 2 – 3 เม็ดกระจาย ทั่วใบหน้า
B. มักมีมากบริเวณ แก้ม คาง และรอบปาก
C. กระจายตามทีโซน
D. มีมากที่ จมูก และสองข้าง จมูก

5. หลังการโดนแดดแรงๆ ตุ่มที่พบ บนใบหน้า
A. ตุ่ม นูนแดง เริ่มมี หัวหนอง
B. ตุ่มสีขาวเล็กๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อยเจ็บ
C. ตุ่มมีสีแดงมากขึ้น รวมถึงปริมาณมากขึ้นด้วย
D. จุดสีดำคงเดิม

6. ช่วงมีใกล้ รอบเดือน ภายในวันที่ 15 – 20 ของ รอบเดือน ตุ่มนั้นเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไร
A. มีการปวด บวม แดง มากขึ้น บางครั้งพบว่าเป็นตุ่มหนอง
B. เปลี่ยนจากตุ่มสีขาวเป็นสีแดงและเริ่ม บวมเจ็บ
C. ตุ่มมีลักษณะเหมือนเดิม
D. เห็นจุดสีดำเด่นชัดขึ้น

7. หลังการอาบ น้ำอุ่น อาบไอน้ำ หรือ อบซาวน่า ผิวหน้า ของคุณเป็นอย่างไร
A. ผิวมันเหมือนเดิม ตุ่มนูนแดง เท่าเดิม
B. ผิวแห้งลง ตุ่มสีขาวไม่มีการเปลี่ยนแปลง
C. ผิวหน้าแดง มากขึ้นโดยเฉพาะทีโซน

8. นอกจาก ใบหน้า คุณมี ตุ่ม หรือ ผื่น ที่ผิวบริเวณใดอีกบ้าง
A. ใต้คาง
B. คอ หน้าผาก และ แผ่นหลัง
C. หนังศีรษะ
D. ไม่มีบริเวณอื่นร่วมด้วย

9. หลังจาก ตุ่ม หรือ ผื่น บนใบหน้ายุบ ลงแล้วเกิด รอย ใดตามมา
A .รอยหลุม ตื้นลึกสลับกัน
B. รอยดำ เล็กๆ
C. ไม่มี รอย ใดๆ
D. เห็นรูขุมขนกว้าง

10. หากคุณใช้ เครื่องสำอาง ทาผิว คุณเคยมีอาการอย่างไร
A. เกิดตุ่มแดงบวม เป็นจำนวนมาก
B. ตุ่มขาวมีปริมาณมากขึ้นที่ แก้มและคาง
C. มี อาการคัน ยุบๆยิบๆเวลา ทาครีม
D. ผิวนุ่มขาวใสตามสมบัติของ ครีม ที่ใช้

ตอบข้อ A มากที่สุด สิวอักเสบ ตอบข้อ C มากที่สุด สิวผด

ตอบข้อ B มากที่สุด สิวอุดตัน ตอบข้อ D มากที่สุด สิวเสี้ยน